วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

ความรู้พื้นฐานสำหรับผู้ให้การปรึกษา

ความรู้พื้นฐานสำหรับผู้ให้การปรึกษาเกี่ยวกับเชื้อไวรัสเอชไอวีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวัณโรค

            ผู้ให้การปรึกษาควรมีความเข้าใจและสามารถอธิบายให้ผู้รับการปรึกษาเข้าใจได้ว่าเชื้อเอชไอวีติดต่อได้อย่างไร มีวิธีการตรวจหาเชื้อเอชไอวีอย่างไรบ้าง หากติดเชื้อแล้วการดำเนินของโรคเป็นอย่างไร และการกินยาต้านไวรัสจะต้องทำอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ผู้ให้การปรึกษาควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ว่าสามารถติดต่อได้อย่างไร มีวิธีการรักษาอย่างไรและมีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อเอชไอวีอย่างไร และเนื่องจากการติดเชื้อเอชไอวีทำให้มีการแพร่ระบาดของวัณโรค ผู้ให้การปรึกษาจึงควรมีความรู้ว่าการติดเชื้อเอชไอวีมีความเกี่ยวข้องกับวัณโรคอย่างไร และควรจะสามารถให้การปรึกษาในกรณีที่ผู้รับการปรึกษาเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการของวัณโรคร่วมด้วยได้

โรคเอดส์คืออะไร แตกต่างจากเชื้อไวรัสเอชไอวีอย่างไร

          คำว่า AIDS ย่อมาจาก Acquired Immune Deficiency Syndrome

                  Acquired หมายถึง การแพร่จากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง
                  Immune หมายถึง ระบบภูมิต้านทานหรือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
                  Deficiency หมายถึง ความบกพร่องหรือไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
                  Syndrome หมายถึง กลุ่มอาการหรือโรคที่มีอาการหลายๆ อย่าง


               โรคเอดส์ หมายถึง อาการป่วยหรือโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้ม กันของร่างกายบกพร่องหลังจากติดเชื้อเอชไอวี ไวรัสเอชไอวี (Human Immune Deficiency Virus: HIV) เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ในคน ซึ่งนักวิจัยได้จำแนกไวรัสเอชไอวีเป็น 2 ชนิด คือ HIV-1 และ HIV-2 ซึ่งเอชไอวีทั้ง 2 ชนิดนี้ มีวิธีการแพร่เชื้อเหมือนกันและทำให้เกิดโรคฉวยโอกาสคล้ายๆ กัน แต่จะแตกต่างกันที่ความยากง่ายในการแพร่เชื้อและระยะเวลา ตั้งแต่ติดเชื้อครั้งแรกจนปรากฏอาการของโรค (การดำเนินโรค) ไวรัสเอชไอวีที่พบมากทั่วโลกคือ HIV-1 ซึ่งแบ่งย่อยได้มากกว่า 10 ชนิดย่อย (subtypes) ส่วน HIV-2 ซึ่งมักพบในทวีปแอฟริกาตะวันตก จะแพร่เชื้อได้ยากกว่าและมีการดำเนินโรคช้ากว่า HIV-1 คนๆหนึ่งสามารถติดเชื้อเอชไอวีทั้งสองชนิดพร้อมกันได้

ที่มา : คู่มืออ่านประกอบการให้การปรึกษาเพื่อการตรวจเอชไอวี สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น